Intermittent Fasting เหมาะกับใคร ? กับปัจจัยสำคัญที่ควรรู้ก่อนเริ่มทำ

Intermittent Fasting เหมาะกับใคร ? กับปัจจัยสำคัญที่ควรรู้ก่อนเริ่มทำ

หัวข้อบทความ

Intermittent Fasting เหมาะกับใคร ? ทุกคนสามารถใช้วิธีนี้ในการลดน้ำหนักได้หรือไม่? หลายคนยังคงมีคำถามอยู่เพราะเชื่อว่าเรื่องของน้ำหนักต้องเป็นปัญหาที่ชวนให้ใคร ๆ ต้องหนักอกหนักใจกันได้มากแน่นอน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่รักในรูปร่างของตัวเองด้วยแล้วก็ยิ่งอยากจะมีหุ่นที่ดีและดูสวย เพื่อเป็นการช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดีมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องของการดูแลรูปร่างก็ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงที่ให้ความสำคัญเท่านั้น แม้กระทั่งผู้ชายเองก็หันมาให้ความสนใจกับเรื่องของการลดน้ำหนักด้วยเช่นกัน ปัจจุบันนี้วิธีการที่จะช่วยลดน้ำหนักนั้นก็มีอยู่หลากหลายวิธีเลย หนึ่งในนั้นก็คือ การทำ Intermittent Fasting หรือ IF แล้วการทำ IF คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร มาทำความเข้าใจพร้อมกันเลย


เผยประโยชน์ทางด้านสุขภาพ Intermittent Fasting เหมาะกับใคร?เผยประโยชน์ทางด้านสุขภาพ Intermittent Fasting เหมาะกับใคร?

Intermittent Fasting เหมาะกับใครบ้างนั้นมาทำความรู้จักกัน ซึ่งสิ่งนี้หลายคนอาจจะเคยได้ยินจนคุ้นหูว่า IF ซึ่งเป็นวิธีลดน้ำหนักแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมาก ๆ โดยก่อนที่จะได้ทราบว่า Intermittent Fasting เหมาะกับใครบ้าง และใครควรทำนั้น ก็อยากให้ได้ทำความเข้าใจกันก่อนว่า การทำ IF เป็นอย่างไร และมีประโยชน์อะไรบ้าง สำหรับการทำ IF นั้นก็เป็นวิธีการอดอาหารที่จะกำหนดช่วงเวลาเอาไว้ ซึ่งจะอยู่ที่ 16 ชั่วโมงติดต่อกันในรอบ 1 วัน ภายในระยะเวลา 16 ชั่วโมงที่ต้องอดอาหารก็จะยังมีเวลาให้สามารถกินอาหารได้ 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือที่เรียกกันว่าการทำ IF แบบ 16/8

ความจริงแล้วการทำ IF เป็นสิ่งที่มีมานานมากแล้ว และวิธีการให้ทำหลากหลายรูปแบบเลย นอกจากแบบ 16/8 แล้ว ก็ยังมีการทำ IF อีกหลายแบบ เช่น การทำ IF แบบ 20/5 ที่จะมีการอดอาหาร 20 ชั่วโมง และสามารถกินอาหารได้ 5 ชั่วโมง หรือการทำ IF แบบอดอาหารทั้งวัน 1-2 ครั้ง ต่ออาทิตย์ ในการทำ IF เป็นสิ่งที่ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากทีเดียว เนื่องจากว่าเมื่อร่างกายต้องอดอาหาร ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาขึ้นหลาย ๆ อย่าง ทั้งระดับของเซลล์ ฮอร์โมน โมเลกุล และเรื่องของจิตใจ เช่น มีการทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนบางอย่างมากขึ้น เพื่อช่วยในการเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ในร่างกาย

ในการอดอาหารระหว่างการทำ IF เป็นสิ่งที่จะส่งผลให้ร่างกายมีการสร้างโกรทฮอร์โมนมากขึ้น โดยจะเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมัน และยังเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้กับร่างกายได้ด้วย เพราะเมื่ออายุมากขึ้นมวลกล้ามเนื้อก็จะค่อย ๆ ลดน้อยลงไป อีกทั้งการทำ IF ยังเป็นสิ่งที่ช่วยให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินลดลง และสามารถช่วยเผาผลาญไขมันอันตรายออกจากร่างกายได้ด้วย โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง สิ่งที่เป็นต้นเหตุของการทำให้เกิดโรคเรื้อรังหลากหลายชนิด เช่น โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, โรคอ้วน หรือว่าโรคมะเร็ง

การทำ IF ยังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก และลดไขมันส่วนเกิน อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการชะลอวัย เนื่องจากว่าการทำ IF จะเป็นการช่วยเพิ่ม Brain-derived Neurotrophic Factor หรือ BDNF ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยในการสร้างเซลล์ประสาทให้มีอายุที่ยืนยาว และมีความแข็งแรงมากขึ้น รวมถึงเป็นการรักษาปริมาณให้คงเดิมได้นานมากกว่าเดิมด้วย พร้อมกันนี้การทำ IF ยังเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้มีความแข็งแรงได้มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่จะส่งผลโดยรวมที่ดีต่อสุขภาพนั่นเอง


ข้อควรรู้ Intermittent Fasting เหมาะกับใครบ้าง?

ข้อควรรู้ Intermittent Fasting เหมาะกับใครบ้าง?

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำ Intermittent Fasting ก็ควรศึกษาข้อมูลมาก่อนว่าวิธีนี้เหมาะกับใคร ก่อนหน้านี้ก็คงจะเป็นสิ่งที่ทำคุณให้ได้ทราบแล้วว่าการทำ intermittent fasting ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับนั้นมีเรื่องอะไรบ้าง ในส่วนต่อมาก็อยากจะให้ได้ทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นด้วยว่า จริง ๆ แล้วการทำ IF นั้นเหมาะสมกับใครบ้าง เนื่องจากว่าไม่ใช่ใครจะสามารถทำได้ทุกคน เพราะหากว่าเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสม หรือมีโรคประจำตัว เมื่อทำแล้วก็อาจจะทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ แถมยังอาจจะทำให้ส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ด้วยนั่นเอง

การทำ IF ถือว่าเป็นวิธีการทางอ้อมที่จะบังคับไม่ให้มีการกินข้าวในช่วงมื้อเช้า หากจะถามว่าการทำ IF นั้นเหมาะสมกับผู้คนกลุ่มไหนมากที่สุด ก็ต้องบอกว่าเหมาะสมมาก ๆ กับผู้ที่ไม่ชอบการกินอาหารในมื้อเช้า หรือผู้ที่ทำงานแบบที่สามารถตื่นสายได้ เนื่องจากว่าเป็นกลุ่มคนที่มักจะเลือกกินอาหารมื้อแรกในช่วงกลางวันมากกว่าช่วงเช้า

นอกจากนั้นแล้วสำหรับคนที่มีเวลาในการทำ IF ที่แน่นอน ก็ควรกินอาหารมื้อเย็นให้เร็วมากขึ้น เช่น กินอาหารเย็นก่อนเวลา 16.00 น. แล้วหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงของการงดอาหาร ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ไม่ค่อยรู้สึกหิวในช่วงเวลากลางคืน และยังเป็นการทำให้มีเวลาการนอนหลับที่แน่นอนมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม การทำ IF นั้นก็ควรที่จะเลือกทำในรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเองด้วย เพื่อเป็นการช่วยให้ทำ IF แล้วมีประโยชน์ และเกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุดนั่นเอง


ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่ม Intermittent Fasting

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่ม Intermittent Fasting

นอกจากที่จะต้องทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นแล้วว่า การทํา intermittent fasting หรือ IF นั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับใครบ้าง ในเรื่องของปัจจัยสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเริ่มทำ IF ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน เพราะจะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่า การทำ IF นั้นเหมาะสมกับตัวเองหรือไม่ แล้วควรทำหรือเปล่า ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนทำ IF ก็มีดังต่อไปนี้

  • การลดมื้ออาหาร เป็นเรื่องที่ต้องถามตัวเองให้ได้ว่า จะสามารถลดอาหารที่กินลงได้ไหม โดยหากว่าไม่สามารถทำได้ การลดน้ำหนักด้วยวิธีการ IF ก็ถือว่าไม่เหมาะสมแล้ว ซึ่งควรมองหาวิธีอื่นที่เหมาะสมกับตัวเองดีกว่า
  • ต้องการทำ IF เพื่ออะไร โดยทั่วไปการทำ IF จะมีจุดประสงค์ในการทำอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน คือ เรื่องของการลดน้ำหนัก และการทำเพื่อให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น ซึ่งหากว่าเป็นการทำ IF เพื่อให้สุขภาพดีขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องจริงจังกับการอดอาหารมากขนาดนั้น เพียงแค่แบ่งแคลอรีให้เหมาะสมก็พอ ซึ่งควรแบ่งแคลอรีออกเป็น 1-2 มื้อ เช่น การกินอาหารในปริมาณแคลอรี 750-900 แคลอรีต่อมื้อ
  • การยอมรับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น โดยในเรื่องนี้จะต้องถามตัวเองว่า จะสามารถยอมรับได้หรือไม่หากว่าการทำ IF จะต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และจะสามารถเห็นผลได้ภายในเวลาที่ไม่ได้รวดเร็ว ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย
  • มีข้อดี ก็ต้องมีข้อเสียด้วย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จำเป็นจะต้องเข้าใจให้ได้ เพราะการทำ IF ไม่เพียงแค่จะมีประโยชน์ หรือเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายเท่านั้น แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน ซึ่งข้อเสียของการ IF ก็เช่น การงดอาหารทำให้ระดับน้ำตาลต่ำลง ในช่วงแรกที่ทำก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัว หรือว่าอ่อนเพลียได้ นอกจากนั้นแล้วยังทำให้รู้สึกโหยมากขึ้น และอยากที่จะกินของหวาน สิ่งนี้เองสามารถนำไปสู่การกินอาหารที่มากขึ้น ทำให้ต้องกินอาหารเสริมลดน้ำหนักร่วม เพื่อช่วยลดน้ำหนักอีกทาง ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียได้ การกินอาหารที่มีแคลอรีสูงขึ้น รวมถึงการทำ IF ยังส่งผลทำให้ผมร่วง, ประจำเดือนมาไม่ปกติ, เกิดความเครียดที่มาจากการอดอาหารเป็นเวลานาน และเกิดความรู้สึกหิวมากขึ้นในช่วงเวลากลางคืน จนทำให้นอนไม่หลับ

Intermittent Fasting เหมาะกับใคร ? จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้เชื่อได้ว่าคุณก็คงพอจะทราบแล้วว่ามันเหมาะกับตัวคุณหรือไม่และการทำ intermittent fasting หรือการทำ IF นั้นมีประโยชน์อย่างไรบ้าง รวมถึงยังได้ทราบด้วยว่าปัจจัยที่ควรใช้พิจารณาก่อนทำนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นข้อมูลชั้นดีของผู้ที่ต้องการจะทำ IF เลย เนื่องจากว่าจะได้ทำให้มีการศึกษาข้อมูลก่อนทำและเป็นการช่วยตัดสินใจด้วยว่าควรจะเลือกทำ IF เพื่อลดน้ำหนักหรือดูแลสุขภาพหรือไม่ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจจะทำ IF ก็หวังว่าข้อมูลที่กล่าวไปข้างต้นจะสามารถเป็นประโยชน์ให้ได้มากพอสมควร

อ้างอิง:

Intermittent Fasting (IF) คืออะไร ดีอย่างไร และเหมาะกับใคร?. https://drorawan.com/th/intermittent-fasting-if-คืออะไร/

IF คือ การลดน้ำหนักที่เวิร์คจริง! ทำ IF แบบนี้ผอมชัวร์!. https://www.amara-clinic.com/what-is-intermittent-fasting/

บทความที่เกี่ยวข้อง

เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง ถ้าอยากลดน้ำหนัก
เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง ถ้าอยากลดน้ำหนัก

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเปิดโปง 7 เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ช่วยให้คุณดื่มได้อย่างอร่อยแบบไม่ต้องกังวลแคลอรี

7 อาหารแคลอรีต่ำ ที่อิ่มท้องและช่วยลดน้ำหนัก
7 อาหารแคลอรีต่ำ ที่อิ่มท้องและช่วยลดน้ำหนัก

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ “7 อาหารแคลอรีต่ำ” ที่ไม่เพียงช่วยให้อิ่มนาน แต่ยังเสริมสร้างสุขภาพในระยะยาว พร้อมทั้งเคล็ดลับการเลือก

คำนวณ BMR และ TDEE ง่ายๆ เพื่อวางแผนลดน้ำหนักได้ผล
คำนวณ BMR และ TDEE ง่ายๆ เพื่อวางแผนลดน้ำหนักได้ผล

การลดน้ำหนักที่ได้ผลและยั่งยืน เกี่ยวข้องกับคำนวณ BMR และ TDEE ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคุณประเมินพลังงานพื้นฐานและพลังงานทั้งหมด