กินคีโตข้อดีและข้อเสีย มีอะไรบ้าง สิ่งที่ควรรู้เอาไว้ก่อนกินคีโต

กินคีโตข้อดีและข้อเสีย มีอะไรบ้าง สิ่งที่ควรรู้เอาไว้ก่อนกินคีโต

หัวข้อบทความ

เรื่องของน้ำหนักตัวเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้คนได้ไม่น้อยเลย เมื่อมีน้ำหนักตัวที่เกินกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น แน่นอนว่าแต่ละคนก็คงจะรีบหาวิธีการลดน้ำหนักให้ได้เร็วที่สุด และเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ได้ตามที่ต้องการ โดยปัจจุบันนี้ก็มีวิธีการลดน้ำหนักให้เลือกใช้หลากหลายวิธีมาก ๆ แต่ละวิธีก็ทำและให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน การกินคีโตเองก็เป็นหนึ่งในวิธีการลดน้ำหนักที่กำลังได้รับความสนใจมากในยุคนี้เลย อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ อย่างก็ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียเสมอ การกินคีโตเองก็เช่นกัน แล้วการ กินคีโตข้อดีและข้อเสีย มีอะไรบ้าง ในบทความนี้จะมาช่วยอธิบายให้ได้เข้าใจกันมากขึ้น


ทำไมต้องกินคีโต ?

กินคีโตข้อดีและข้อเสีย ทำไมต้องกินคีโต

ผศ.พญ. ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร หัวหน้าสาขาวิชาโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของการลดน้ำหนักผ่านทางเว็บไซต์ของไทยรัฐเอาไว้ว่า คีโต หรือที่มาจากคำว่า ketogenic diet หมายถึง อาหารที่เมื่อกินเข้าไปแล้วก็จะสามารถสร้างคีโตนให้กับร่างกายได้ โดยปกติแล้วมนุษย์จะมีการใช้พลังงานเพื่อช่วยขับเคลื่อนร่างกาย สำหรับอาหารที่ถือว่าเป็นแหล่งพลังงานของร่างกายก็ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ซึ่งเมื่อกินอาหารเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายมากไป ก็จะส่งผลทำให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นได้

เมื่อร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายก็จะทำการนำเอาน้ำตาลที่มีอยู่มาเปลี่ยนเป็นพลังงาน และเกิดการกระตุ้นฮอร์โมนที่ชื่อว่า อินซูลิน จากนั้นจึงทำให้มีการเก็บเอาน้ำตาลเข้าเซลล์ และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง สำหรับน้ำตาลส่วนเกินที่เกิดขึ้นก็จะถูกนำไปเปลี่ยนแปลงให้เป็นไขมันที่สะสมในร่างกายต่อไป และจะเป็นการยับยั้งไม่ให้มีการสลายไขมันไปได้ หรือเป็นสัญญาณเตือนว่าเข้าสู่คีโต แต่ในทางตรงกันข้ามหากว่ามีการอดอาหารก็จะทำให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ร่างกายก็จะหยุดการกระตุ้นอินซูลิน และจะหันมากระตุ้นกลูคากอนแทน ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้ร่างกายมีการสลายเอาไขมันไปใช้เป็นพลังงาน และในการสลายไขมันนี้ก็มีสารที่ชื่อว่า คีโตน เข้ามามีส่วนสำคัญ 

การกินคีโตจะเป็นการจำกัดกลุ่มอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตอย่างเข้มงวด และทำร่วมกันกับการกินไขมันในปริมาณที่มาก โดยการทำเช่นนี้จะเป็นการหลอกร่างกายให้เหมือนกับว่าได้อดอาหาร จึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงมากนักหลังจากที่กินอาหารไปแล้ว อีกทั้งร่างกายจะไม่มีการกระตุ้นอินซูลิน และจะยังคงให้มีการสลายไขมันต่อไป ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้มีคีโตนเกิดขึ้นในร่างกาย อย่างไรก็ตาม การใช้อาหารคีโตทางการแพทย์นั้น ก็เป็นการใช้เพื่อรักษาที่จะเสริมการรักษาหลักของผู้ป่วยที่เป็นลมชัก และไม่ตอบสนองกับต่อการใช้ยานั่นเอง 

หลายคนอาจไม่เข้าใจว่า ทำไมการกินไขมันอย่างการกินอาหารคีโตนั้น ทำไมถึงสามารถช่วยลดไขมันได้ โดยหลักการของการกินคีโตจะเป็นการกินอาหารที่มีไขมันเอาไปให้พลังงานแก่ร่างกาย เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายจะเกิดการสลายไขมัน เพราะร่างกายรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้มีการกินอาหารเข้าไปใหม่ ในการสลายไขมันร่างกายก็จะมีการสูญเสียน้ำมากขึ้น สิ่งนี้เองที่ทำให้น้ำหนักตัวจะลดลงเยอะมาก ๆ อีกทั้งเมื่อไม่ได้มีการกินอาหารคีโต ก็จะมีของเสียที่ชื่อว่า คีโตน เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้รู้สึกเบื่ออาหารอีกด้วยนั่นเอง จากสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ทำไมถึงควรกินคีโตเพื่อลดน้ำหนัก


ข้อดีและข้อเสีย มีอะไรบ้าง

กินคีโตข้อดีและข้อเสีย มีอะไรบ้าง

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ทุกอย่างย่อมมีสองด้าน ทั้งข้อดีและข้อเสีย การกินคีโตเองก็เหมือนกัน ทั้งนี้หลาย ๆ คนที่สนใจในการกินคีโตเพื่อลดน้ำหนักก็อาจจะสงสัยกันว่าการ กินคีโตข้อดีและข้อเสีย มีอะไรบ้าง ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ควรทำความเข้าใจเอาไว้ก่อนกินคีโต และช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรกินคีโตหรือไม่ สำหรับข้อดีและข้อเสียของการกินคีโต ก็มีดังต่อไปนี้

ข้อดีของการกินคีโต

ข้อดีของการกินคีโต

  • การกินคีโตสามารถช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากว่าเมื่อมีการลดการกินอาหาร จำพวกแป้ง น้ำตาลให้น้อยลง จึงทำให้น้ำหนักลดลงตามไปด้วย 
  • การกินคีโตช่วยให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย เนื่องจากว่าเป็นการกินที่เน้นไปในส่วนของอาหารประเภทโปรตีน จึงช่วยให้ไม่อยากกินจุกจิก และกินแล้วช่วยให้อิ่มนานขึ้น
  • การกินคีโตช่วยให้ความดันโลหิตอยู่ในระดับที่ปกติ เนื่องจากว่าร่างกายสามารถเผาผลาญน้ำตาลให้น้อยลงได้

ข้อเสียของการกินคีโต

ข้อเสียของการกินคีโต

  • การกินคีโตในระยะยาวติดต่อกัน จะส่งผลทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุ วิตามิน และเกลือแร่ได้ จึงจำเป็นมาก ๆ ที่เมื่อกินคีโตแล้วจะต้องเสริมวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ และเกลือแร่ให้กับร่างกายด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูรายละเอียดของอาหารเสริมต่าง ๆ ร่วมด้วย
  • การกินคีโตไม่ดีต่อผู้ที่มีปัญหาเรื่องตับอ่อน เนื่องจากว่าตับอ่อนจะทำหน้าที่ในการสร้างอินซูลิน หากว่าตับอ่อนไม่ได้ผลิตอินซูลินออกมาร่างกายก็จะไม่เกิดการสลายไขมันที่มาจากการกินไขมันเข้าไป 
  • การกินคีโตไม่ดีต่อผู้ที่มีปัญหาเรื่องตับ เพราะว่าร่างกายของผู้ป่วยจะไม่สามารถสร้างคีโตนที่ตับได้ เนื่องจากว่าหากเป็นโรคตับ หรือมีปัญหาด้านการทำงานของตับที่บกพร่องอย่างรุนแรง ก็จะส่งผลให้ไม่สามารถสร้างคีโตนได้นั่นเอง
  • การกินคีโตไม่ดีต่อผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไต เนื่องจากว่ากินคีโตเป็นการกินอาหารจำพวกโปรตีนในปริมาณที่มาก ซึ่งโปรตีนจะส่งผลเสียต่อไต
  • สำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องของระบบเผาผลาญในร่างกายที่ผิดปกติ ไม่ควรที่จะกินคีโต เนื่องจากว่าการกินคีโตเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อร่างกายไม่ได้รับพลังงานจากน้ำตาล ก็จะทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญโดยใช้ไขมัน ซึ่งหากว่าระบบการเผาผลาญไขมันของร่างกายไม่ดีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกายตามมาได้
  • การกินคีโตไม่ดีต่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากว่าเป็นโรคที่มีการใช้บางชนิด หรือมีการฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกาย ก่อนที่จะกินจึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ทำการปรับลดยาตามความเหมาะสมก่อนที่จะกินคีโตนั่นเอง

คีโตเหมาะกับใคร และใครไม่ควรกินบ้าง

คีโตเหมาะกับใคร และใครไม่ควรกินบ้าง

อีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ด้วยเช่นกันในการกินคีโต ก็คือ คีโต เหมาะกับใคร และใครบ้างที่ไม่ควรกิน การที่จะต้องรู้ถึงความเหมาะสมนี้ก็เพื่อช่วยให้กินแล้วได้ผลจริง และไม่เกิดผลข้างเคียง หรืออันตรายต่อร่างกายตามมา ซึ่งผู้ที่สามารถกินคีโตได้ และผู้ที่ไม่ควรกินคีโต ก็มีดังต่อไปนี้

ผู้ที่สามารถกินคีโตได้

  • คนที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่มาตรฐานกำหนดเอาไว้ โดยคนที่มีน้ำหนักเกินจะต้องมีค่า BMI 25 ขึ้นไป (คำนวณค่า BMI)
  • คนมีร่างกายปกติ ไม่ได้มีโรคประจำตัว และต้องการที่จะลดน้ำหนัก
  • คนที่มีปริมาณไขมันในร่างกายเยอะ โดยปริมาณของไขมันในร่างกายของระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะต่างกัน นั่นก็คือ ผู้ชายจะมีปริมาณไขมันมากกว่า 20% และผู้หญิงจะมีปริมาณไขมันมากกว่า 30% ซึ่งสามารถหาปริมาณของตัวเองได้จากการคิดด้วยสูตรหาปริมาณไขมันในร่างกายนั่นเอง
  • คนที่ต้องการฟื้นฟูระบบเผาผลาญในร่างกาย
  • คนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นเบาหวานชนิดที่ตับอ่อนยังพอจะทำการผลิตอินซูลินเองได้บ้าง

ผู้ที่ไม่ควรกินคีโต

  • ผู้ที่เป็นโรคตับ 
  • ผู้ที่เป็นโรคไต
  • ผู้ที่เป็นโรคนิ่ว
  • ผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของการเผาผลาญไขมัน 
  • คนที่มีค่า BMI ต่ำกว่ามาตรฐาน หรือผอมมากๆ ซึ่งจะต้องมีค่า BMI น้อยว่า 18.5
  • ผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่จะต้องมีการฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกาย
  • คนที่เคยผ่าตัดเกี่ยวกับทางเดินอาหาร โดยการผ่าตัดนี้จะส่งผลให้การย่อยไขมันไม่ปกติ
  • คนที่มีปัญหากรดไหลย้อน ท้องอืด เนื่องจากว่าร่างกายไม่สามารถกินไขมันในปริมาณที่สูงได้ จึงควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้อาการกำเริบ

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็คงจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เข้าใจกันได้มากขึ้นแล้วว่า การกินคีโตนั้นมีข้อดี และมีข้อเสียที่ควรจะต้องรู้เอาไว้อย่างไรบ้าง แล้วใครบ้างที่สามารถกินคีโตได้ และไม่ควร หรือต้องหลีกเลี่ยงในการลดน้ำหนักด้วยการกินคีโตไปเลย หรือใครที่กินคีโตแล้วน้ำหนักไม่ลด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถือว่าสำคัญมาก ๆ ที่จะต้องรู้เอาไว้ นั่นก็เพื่อให้การกินคีโตเป็นอย่างถูกต้อง เหมาะสม และไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นได้นั่นเอง


อ้างอิง

บทความที่เกี่ยวข้อง

เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง ถ้าอยากลดน้ำหนัก
เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง ถ้าอยากลดน้ำหนัก

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเปิดโปง 7 เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ช่วยให้คุณดื่มได้อย่างอร่อยแบบไม่ต้องกังวลแคลอรี

7 อาหารแคลอรีต่ำ ที่อิ่มท้องและช่วยลดน้ำหนัก
7 อาหารแคลอรีต่ำ ที่อิ่มท้องและช่วยลดน้ำหนัก

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ “7 อาหารแคลอรีต่ำ” ที่ไม่เพียงช่วยให้อิ่มนาน แต่ยังเสริมสร้างสุขภาพในระยะยาว พร้อมทั้งเคล็ดลับการเลือก

คำนวณ BMR และ TDEE ง่ายๆ เพื่อวางแผนลดน้ำหนักได้ผล
คำนวณ BMR และ TDEE ง่ายๆ เพื่อวางแผนลดน้ำหนักได้ผล

การลดน้ำหนักที่ได้ผลและยั่งยืน เกี่ยวข้องกับคำนวณ BMR และ TDEE ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคุณประเมินพลังงานพื้นฐานและพลังงานทั้งหมด